การเข้าร่วมเป็นภาคี (Ramsar Convention)
ประเทศใดๆ ที่เป็นสมาชิกขององค์การสหประชาชาติหรือเป็นหนึ่งในหน่วยงานพิเศษ หรือองค์กรพลังงานปรมาณูนานาชาติ The International Atomic Energy Agency (IAEA) หรือ ภาคีของ The Statutes of the International Court of Justice (SICJ) สามารถเข้าเป็นภาคีของอนุสัญญาฯ ได้ 3 วิธีดังนี้
- 1) ลงนามโดยไม่มีข้อสงวนใดๆ พร้อมกับการให้สัตยาบัน
- 2) ลงนามเพื่อรับรองอนุสัญญาฯ ก่อนแล้วจึงให้สัตยาบัน
- 3) ภาคยานุวัต (การเข้าเป็นภาคีใหม่)
โดยผู้แทนเป็นทางการของประเทศนั้นๆ มอบสัตยาบันสารต่อผู้อำนวยการองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ทั้งนี้ประเทศที่จะเข้าร่วมเป็นภาคีจะต้องเสนอชื่อพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญในทางนิเวศวิทยา พฤกษศาสตร์ สัตวศาสตร์ ชีววิทยา และอุทกวิทยา พร้อมทั้งข้อมูลพื้นฐานและแผนที่แสดงที่ตั้งและขอบเขตที่ชัดเจน โดยเสนอตามรูปแบบ “Ramsar Information Sheet” มาพร้อมการขอเข้าร่วมเป็นภาคี หรือเสนอหลังจากนั้น โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่ง datasheets เหล่านี้จะได้รับการจัดพิมพ์เป็น “ทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ” (Directory of Wetlands of International Importance) โดยสามารถเพิ่มเติมพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญในดินแดนของตนในภายหลังผ่านระบบรายงานที่สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ผลักดันขึ้น Ramsar Sites Information Service ได้อีกด้วย ในขณะนี้มีพื้นที่ชุ่มน้ำในทะเบียน (Ramsar sites) ทั้งสิ้น 1,313 แห่ง รวมเป็นพื้นที่ประมาณ 110.97 ล้านเฮกตาร์
อนุสัญญาแรมซาร์ประกอบด้วย 12 มาตรา ได้รับการรับรองในการระชุมครั้งแรกในประเทศอิหร่านเมื่อปี พ.ศ. 2514 (ค.ศ.1971) เนื้อหาของอนุสัญญาฯ ถูกนำมาแก้ไขโดย Paris Protocol เมื่อปี พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) ซึ่งได้มีการแก้ไขทางวิชาการหลายข้อและอนุสัญญาฯ ได้นำเอามาใช้บังคับในปี พ.ศ. 2529 (ค.ศ. 1986)
การแก้ไขข้อความในอนุสัญญาฯ ครั้งที่ 2 มีขึ้นในการประชุมที่ประเทศแคนาดา เมื่อปี พ.ศ. 2530 (ค.ศ. 1987) เรียกว่า Regina Amendment ข้อแก้ไขนี้ไม่ได้มีผลต่อหลักการพื้นฐานของอนุสัญญาฯ แต่เกี่ยวกับการดำเนินงานในส่วนของอำนาจของการประชุมการจัดตั้งคณะกรรมการ กำหนดวงเงินทุน ซึ่งในขณะที่ข้อแก้ไขเหล่านี้ยังมิได้นำมาบังคับใช้ แต่ภาคีส่วนใหญ่ก็ได้นำมาใช้โดยสมัครใจ
ดังนั้น การเข้าเป็นภาคีใหม่โดยยอมรับข้อแก้ไขตาม Regin Amendment นี้ไปพร้อมๆ กันทีเดียวจึงเหมาะสม เพราะสามารถขจัดความยุ่งยากในการที่รัฐจะต้องดำเนินงานตามขั้นตอนเพื่อรับรอง ข้อแก้ไขนี้อีกครั้งในภายหลัง
ข้อตกลงหลักๆ ของรัฐที่เข้าร่วมในภาคีอนุสัญญาแรมซาร์ คือ
- – ภาคีจะต้องคัดเลือกพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญของประเทศอย่างน้อย 1 แห่ง ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด บรรจุในทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Site) ของอนุสัญญา (มาตรา 2 วรรค 1)
- – ภาคีต้องกำหนดและวางแผนการดำเนินการเพื่ออนุรักษ์และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างชาญฉลาด ไม่ว่าพื้นที่ชุ่มน้ำนั้นจะอยู่ในทะเบียนหรือไม่ก็ตาม (มาตรา 3 วรรค 1)
- – ทำการปรึกษากับภาคีอื่นๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานอนุสัญญาฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ชุ่มน้ำที่ตั้งอยู่ตามพรมแดนระหว่างประเทศ มีการใช้ทรัพยากรน้ำร่วมกัน มีการใช้ทรัพยากรชีวภาพร่วมกัน และมีการพัฒนาความช่วยเหลือสำหรับโครงการพื้นที่ชุ่มน้ำ (มาตรา 4 และ 5)
- – ภาคีต้องสนับสนุนเงินช่วยเหลือแก่อนุสัญญาฯ จำนวนเงินช่วยเหลือของแต่ละประเทศขึ้นกับการแบ่งตาม UN Scale และข้อมูลการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาฯ (มาตรา 6 วรรค 6)
- – อนุสัญญาแรมซาร์ไม่ละเมิดอำนาจอธิปไตยของภาคี ซึ่งเป็นเจ้าของดินแดนที่มีพื้นที่ชุ่มน้ำ
- – อนุสัญญาแรมซาร์มุ่งที่จะส่งเสริมให้ประเทศต่าง ๆ มีการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ชุ่มน้ำอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมชุมชน
- – พื้นที่ชุ่มน้ำใดที่ได้รับการเสนอเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศแล้ว ต่อมามีความจำเป็น ภาคีสามารถเพิกถอนออกจากทะเบียนหรือกำหนดขอบเขตใหม่ได้ แต่ทั้งนี้ต้องเสนอพื้นที่อื่นทดแทนด้วย
- – ทำให้มีการอนุรักษ์ และยับยั้งการสูญเสียของพื้นที่ชุ่มน้ำในและภูมิภาคของโลก
- – ลดปัญหาความขัดแย้งในการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำระหว่างประเทศตลอดจนสิ่งมีชีวิตต่างๆ ในพื้นที่รวมทั้งฝูงนกน้ำที่อพยพตามฤดูกาลไปอยู่ในประเทศต่างๆ ทั้งนี้ เนื่องจากอนุสัญญาฯ ระบุว่าภาคีจะต้องร่วมมือในการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำและสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ที่ใช้ร่วมกัน
- – ทำให้มีการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำและสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ที่ใช้อย่างฉลาด เนื่องจากอนุสัญญาฯ ระบุหน้าที่ที่ภาคีจะต้องกระทำ คือ ให้คำนึงถึงการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ การกำหนดแผนการใช้ที่ดินและแผนการจัดการระดับชาติ ซึ่งการดำเนินการตามแผนนี้ จะเป็นการส่งเสริมการใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด (wise use) และทำให้มีพื้นที่ชุ่มน้ำต้องสงวนรักษาไว้
- – ทำให้มีการป้องกันการเสื่อมสภาพของพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยเฉพาะที่ขึ้นทะเบียนไว้โดยมีการติดตามตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
อนุสัญญาฯ ระบุไว้ว่าจะต้องจัดให้มีการประชุมปกติ (ordinary session) สำนักเลขาธิการอนุสัญญาฯ ได้กำหนดให้มีการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาฯ ในทุกๆ 3 ปี โดยมีการประชุมสมัชชาภาคีวาระพิเศษ 1 ครั้ง ณ ประเทศฝรั่งเศส เพื่อตกลงกรอบงานและงบประมาณในการดำเนินการตามอนุสัญญา
ครั้งที่ | วัน เวลา สถานที่ | สาระสำคัญ |
---|---|---|
1 | เมือง Cagliari ประเทศอิตาลี พ.ศ. 2523 (ค.ศ. 1980) | การประชุมวาระพิเศษที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. 2525 (ค.ศ. 1982) ในครั้งนี้ได้มีการร่างพิธีสารขึ้นมาแก้ไขความบางตอนในอนุสัญญาฯ เรียกว่า “พิธีสารปารีส” (Paris Protocol) ซึ่งที่ประชุมรับพิธีสาร ในการประชุมปกติครั้งที่ 2 และผลบังคับใช้เรื่อยมา |
2 | เมือง Groningen ประเทศเนเธอร์แลนด์ พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) | มีการรับรองบทแก้ไขอนุสัญญาฯ (amendment) เสนอในคราวประชุมวาระพิเศษ |
3 | เมือง Regina, Saskatchewan ประเทศแคนาดา พ.ศ. 2530 (ค.ศ.1987) | ในครั้งนี้ได้มีการแก้ไขความบางตอนในอนุสัญญาฯ อีกครั้ง เรียกว่า “Regina Amendment” คือในมาตรา 6 และ 7 แต่ยังไม่มีผลบังคับใช้ |
4 | เมือง Montreux ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ พ.ศ. 2533 (ค.ศ.1990) | ในการประชุมสมัชชาภาคี สมัยที่ 3 และ 4 ได้มีการจำแนกระบุการแพร่กระจายทางภูมิศาสตร์ทั่วโลก และแบ่งออกเป็น 7 ภูมิภาค ดังนี้: แอฟริกา, เอเชีย, ยุโรปตะวันออก, นีโอโทรปิกส์, อเมริกาเหนือ, โอเชียเนีย และ ยุโรปตะวันตก ซึ่งคณะกรรมการบริหาร (Standing Committee) จะทำการทบทวนการแบ่งเขตภูมิศาสตร์ดังกล่าว เพื่อจัดทำข้อเสนอสำหรับการเปลี่ยนแปลงการกำหนดเขตภูมิศาสตร์ในการประชุมสมัชชาภาคีสมัยที่ 5 ต่อไปโดยจะให้ความสำคัญเป็นพิเศษในประเด็นการแบ่งทวีปยุโรปออกเป็นยุโรปตะวันออกและ ยุโรปตะวันตก เนื่องจากสมัชชาภาคีได้เห็นชอบโดยเสียงข้างมากแล้วว่า การแบ่งแยกทวีปยุโรปดังกล่าว เป็นไปตามบริบททางการเมือง ไม่ใช่เป็นไปตามหลักภูมิศาสตร์ |
5 | เมือง Kushiro ประเทศญี่ปุ่น พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993) | มีการรับรองบทแก้ไขอนุสัญญาฯ ตามที่แก้ไขในคราวประชุมครั้งที่ 3 ทำให้มีผลบังคับใช้ โดยได้รับการสนับสนุนด้านการเงินจากประเทศสมาชิกที่สมัครใจ (voluntary contribution) หรือองค์กรที่สนใจ |
6 | เมือง Brisbane ประเทศออสเตรเลีย พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996) | ที่ประชุมมีมติยอมรับถึงความสำคัญของพันธุ์ปลาและการทำการประมงว่าสามารถใช้เป็นเงื่อนไขหนึ่งในการกำหนดพื้นที่ชุ่มน้ำนั้นเป็น Ramsar Site รับรองแผนกลยุทธ ปี พ.ศ. 2540 – 2545 (Strategic Plan 1997 – 2002) และรับรองความร่วมมือกันระหว่างอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพกับอนุสัญญาแรมซาร์ |
7 | เมือง San Jose ประเทศคอสตาริก้า วันที่ 10 – 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 (ค.ศ. 1999) | รับรอง outreach Programme ซึ่งเป็นแผนงานที่จัดทำขึ้นเพื่อเร่งรัดการเสริมสร้างความตระหนัก ในคุณค่าและบทบาทพื้นที่ชุ่มน้ำในทุกระดับสังคม |
8 | เมืองวาเลนเซียประเทศสเปน วันที่ 18 – 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2545 (ค.ศ. 2002) | รับรองแผนกลยุทธ์ ปี พ.ศ. 2546-2550 แนวทางการนำคุณค่าทางวัฒนธรรมของพื้นที่ชุ่มน้ำมาใช้เป็นเครื่องมือในการอนุรักษ์ และใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำอย่างยั่งยืน การพิจารณาความสัมพันธ์ของการเกษตรกับพื้นที่ชุ่มน้ำ และการผนวกแนวทางการดำเนินงานต่างๆ ให้เป็นไปตามผลการประชุมสุดยอดของโลกว่าด้วยการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เมือง โจฮันเนสเบอร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ |
9 | เมืองคัมพาลา ประเทศยูกันดา วันที่ 8-15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 (ค.ศ.2005) | มีมติรับรองการเพิ่มเติมข้อกำหนด ข้อ 9 ที่ให้เพิ่มสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่มิใช่นก และข้อกำหนดด้านวัฒนธรรมในหลักเกณฑ์การเสนอพื้นที่ชุ่มน้ำ เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่ความสำคัญระหว่างประเทศ หรือแรมซาร์ไซต์ การเสริมประสานการทำงานกับความตกลงด้านสิ่งแวดล้อมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องพื้นที่ชุ่มน้ำกับการแก้ไขปัญหาความยากจนและบทบาทของพื้นที่ชุ่มน้ำในการลดและป้องกันความเสียหายจากมหันตภัยธรรมชาติ |
10 | เมืองชางวอน ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี วันที่ 28 ตุลาคม – 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 (ค.ศ. 2008) | รับรองแผนกลยุทธ์ ปี พ.ศ. 2551 – 2557 (ค.ศ. 2008 – 2014) และให้การรับรองข้อมติ 33 เรื่อง เช่น พื้นที่ชุ่มน้ำกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พลังงานชีวภาพ อุตสาหกรรมการขุดเจาะน้ำมัน/ก๊าซธรรมชาติ การขจัดความยากจน เป็นต้น รวมถึงการประกาศปฏิญญาชางวอน |
11 | เมืองบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย วันที่ 6-13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 (ค.ศ. 2012) | ปรับปรุงแผนกลยุทธ์ 2009-2015 สำหรับช่วงปี 2013-2015 สมัชชาภาคี อนุสัญญาฯ ตระหนักถึงการดำเนินงานของอนุสัญญาฯ ที่ช่วยสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายไอจิว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ และรับรองแผนกลยุทธ์ 2009-2015 สำหรับช่วงปี 2013-2015 |
12 | เมือง ปุนตา เดล เอสเต สาธารณรัฐบูรพาอุรุกวัย วันที่ 1-9 มิถุนายน พ.ศ. 2558 (ค.ศ.2015) | การรับรองแผนกลยุทธ์ พ.ศ. 2559 – 2567 (ค.ศ. 2016 – 2024) สมัชชาภาคี อนุสัญญาฯ และพิจารณาและให้การรับรองเครื่องมือในการประเมินประสิทธิภาพการจัดการพื้นที่ Ramsar site (Ramsar site Management Effectiveness Tracking Tool หรือ R-METT) |
13 | เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ วันที่ 21-29 ตุลาคม 2561 (ค.ศ. 2018) | รับรองข้อมมูลเกี่ยวกับการอนุรักษ์ ฟื้นฟู พื้นที่ชุ่มน้ำ ชายฝั่งทะเล พื้นที่พรุ เพื่อบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิเทศ การส่งเสริม การอนุรักษ์ ฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำในเมือง และการประเมิน บริการจากระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำเปิดนี้ |